โรคหนองใน

โรคหนองใน คือ อะไร?

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเชื้อที่เป็นสาเหตุการเกิดคือ Neisseria gonorrhea ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถพบได้บริเวณเยื่อบุผิวของอวัยวะสืบพันธ์ เช่น ท่อทางเดินปัสสาวะและปากมดลูก โดยการติดเชื้อนั้นอาจทำให้ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการใดๆเลยก็ได้ นอกจากนี้หนองในยังสามารถแพร่จากมารดาไปสู่ทารกผ่านการคลอดได้เองจากในผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนทำให้เชื้อแพร่กระจายไปโดยที่ไม่รู้ตัว

สาเหตุโรคหนองใน

      โรคหนองในแท้เกิดจาก Neisseria gonorrhea ซึ่งสามารถพบได้ในอสุจิและน้ำในช่องคลอด จึงทำให้เชื้อโรคนี้แพร่ผ่านและติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก

เชื้อแบคทีเรีย ไนซีเรีย โกโนเรีย ชนิดนี้สามารถเจริญได้ดีในที่ชื้นและอบอุ่นของระบบองัยวะสืบพันธ์ตั้งแต่ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก ท่อปัสสาวะ ซึ่งพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง และยังสามารถเจริญฌติบตำด้ในบริเวณอื่นๆได้ เช่น ทวารหนัก เยื่อบุตา ช่องปากและคอ เชื้อจึงสามารถติดต่อทางปากได้ด้วย

การติดเชื้อจะเริ่มจากการสัมผัสเยื่อบุช่องปาก ช่องคลอด ทวารหนัก อวัยวะเพศ ที่มีเชื้อ โดยที่การสัมผัสอาจจะยังไม่มีการร่วมเพศหรือหลั่งอสุจิเลยก็ได้ และในผู้หญิงที่เป็นโรคและมีเชื้อในช่องคลอดเชื้อสามารถแพร่จากช่องคลอดไปทวารหนักและจากทวารหนักไปช่องได้ด้วยเช่นกัน

อาการของโรคหนองในแท้

       อาการแสดงของโรคหนองในโดยส่วนใหญ่ระยะแรกของการรับเชื้อจะไม่มีอาการแสดงชัดเจน หลังจากได้รับเชื้อ1-10 วัน จึงจะเริ่มมีอาการแสดงออกมา ซึ่งในเพศชายและเพศหญิงจะมีอาการแตกต่างกันดังนี้

จำแนกประเภทของหนองในออกได้เป็น 2 ประเภท คือ หนองในแท้ ที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea และหนองในเทียม ที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis และUrea plasma urealyticum

อาการของโรคหนองในแท้

       อาการแสดงของโรคหนองในโดยส่วนใหญ่ระยะแรกของการรับเชื้อจะไม่มีอาการแสดงชัดเจน หลังจากได้รับเชื้อ1-10 วัน จึงจะเริ่มมีอาการแสดงออกมา ซึ่งในเพศชายและเพศหญิงจะมีอาการแตกต่างกันดังนี้

จำแนกประเภทของหนองในออกได้เป็น 2 ประเภท คือ หนองในแท้ ที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea และหนองในเทียม ที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis และUrea plasma urealyticum

อาการของหนองในที่พบในเพศหญิง

-มีอาการแสบร้อน รู้สึกเจ็บ ขณะปัสสาวะ

-มีตกขาวมากกว่าปกติ ตกขาวเป็นมูกปนหนอง มีกลิ่นเหม็น

-มีการแสบเคืองและคันบริเวณรอบอวัยวะเพศ

-ปวดท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์

-ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการปวดท้องช่วงมีประจำเดือนพร้อมมีไข้สูง

-ผู้ป่วยบางรายอาจพบเลือดออกจากช่องคลอดช่วงไม่มีประจำเดือน

อาการของหนองในที่พบในเพศชาย

-มีของเหลวขาวหรือลักษณะหนองไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ

-มีอาการแสบร้อน รู้สึกเจ็บ ขณะปัสสาวะ

-หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศอักเสบ

-มีอาการระคายเคืองและคันบริเวณท่อทางเดินปัสสาวะ

หนองในแท้-หนองในเทียม แตกต่างกันอย่างไร

      โรคหนองในแท้-หนองในเทียมเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่แตกต่างกันและมีระยะฟักตัวของโรคแตกต่างกัน ดังนี้

1.โรคหนองในแท้ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhea สามารถติดต่อได้ทั้งในชายและหญิงรวมทั้วทารกแรกเกิด เข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุท่อปัสสาวะในเพศชาย ปละทางปากมดลูกในเพศหญิง หนองในแท้มีระยะฟักตัว 1-14 วัน หลังได้รับเชื้อ สามารถติดได้ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก

       2.โรคหนองในเทียม : เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยรองจากหนองในแท้ โดยมีสาเหตุจากการติดเชื้ออื่นๆที่นอกเหนือจากเชื้อ Neisseria gonorrhea ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัว หรือเชื้อไวรัสก็ได้ แต่ 40% เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis โดยโรคหนองในเทียมนอกจากติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังสามารถติดต่อไปสู่ทารกแรกเกิดได้ด้วยเช่นกัน

การตรวจวินิจฉัย

      สามารถทำได้ดังนี้คือ เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งเพื่อทำการการย้อมสีของกรัม (Gram stained smear) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแสดงของโรคหนองในมาแล้ว และการเก็บตัวอย่างจากทางปัสสาวะ(PCR for Urine) ในกรณีที่อาการแสดงไม่ชัดเจนหรือไม่แสดงอาการ

การรักษา

     โดยปกติแล้วหลังจากแพทย์วินิฉัยแล้วว่าติดเชื้อจะให้การรักษา โดยการใช้ยาปฎิชีวะนะกลุ่ม Ceftriaxone และ Azithromycin เพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของแบคทีเรียซึ่งยาแต่ละกลุ่มที่ใช้จะแตกต่างตามเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคและบริเวณที่มีอาการ

วิธีการป้องกัน

        การป้องกัน คือ การไม่สัมผัสเชื้อจากคนที่ติดเชื้อไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งโดยปกติเชื้อสามารถแฝงตัวอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการก็ได้ หากพบเชื้อแล้ว 3 เดือนย้อนหลังกลับไป หากท่านมีความสัมพันธ์กับใครที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรจะแจ้งให้คนเหล่านั้นทราบด้วย เพื่อเข้ารับการรักษาป้องกันการแพร่กระจายเชื้อต่อไปยังคนที่ไม่ติดเชื้อรายอื่นๆ เพราะคู่นอนที่มีการสัมผัสเชื้อไม่ว่าทางใดก็ตาม แม้กระทั่งทางปาก หรือ การสัมผัสอื่นที่อวัยวะเพศที่ติดเชื้อ ก็ต้องเข้ารับการตวรจเช่นกัน

ส่วนท่านที่เป็นแล้ว หรือ เคยเป็นแล้วให้พึงระลึกไว้เสมอว่า การใช้ถุงยางอนามัยสำหรับโรคหนองในนั้น อาจไม่สามารถป้องกันโรคได้ เพราะโรคติดต่อด้วยการสัมผัสเชื้อ ทั้งทางปาก ช่องคลอด อวัยวะเพศ ทวารหนัก ดังนั้นการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมปลอดภัย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการป้องกันกันไม่ให้เกิดโรคหนองในต่อไป

การดูแลตัวเองขณะเป็นหนองใน

     ในระหว่างที่ทำการรักษาโรคหนองใน ควรงดการร่วมเพศ รวมทั้งสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันกันการแพร่กระจายของโรคอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ รวมทั้งพาคู่นอนไปตรวจโดยเร็วที่สุด รวมทั้งดูแลสุขภาพของตนเอง รักษาอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ

ในผู้ชายไม่ควรรีดอวัยวะเพศเพื่อดูหนอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ไม่ควรซื้อยามารักษาเอง  ควรไปตวจตามนัดทุกครั้ง และปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ควรงดดื่มเหล้า-เบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด   

ภาวะแทรกซ้อนจากการเป็นหนองในที่อาจเกิดขึ้นได้

      ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหนองในแท้และหนอวในเทียม หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที เช่นผู้ป่วยที่เป็นโรคหนองใน จะสามารถติดเชื้อ HIV ได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่เป็นหนองใน

นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดเฉพาะในผู้หญิงได้คือ ทำให้มีบุตรยาก หรืออาจตั้งครรภ์นอกมดลูกที่มีอันตรายถึงชีวิตได้บางรายมีอาการปวดท้อง มีไข้ และอาจทำให้เกิดถุงหนองในช่องท้องน้อย  ในผู้ชายอาจก่อให้เกิดการอักเสบของท่อนำอสุจิให้มีบุตรยาก เชื้อโรคอาจแพร่กระจายเข้าสู่ข้อกระดูกหรือกระแสเลือด อันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน

คำถามที่พบบ่อย

Q: หนองในสามารถหายเองได้ไหม

A: ไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ ควรรับการปรึกษาแพทย์พร้อมวางแผนการรักษา โดยส่วนใหญ่อาการจะค่อยทุเลาลง ภายใน 2 วัน ยกวันในกรณีที่ติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆร่วม จำเป็นใช้เวลารักษาระยะหนึ่ง หรือหากรักษาหายแล้วแต่อาการกลับไม่ขึ้น แนะนำให้กลับมาพบแพทย์อีกครั้ง

Q: กินยาเองรักษาหนองในแล้วไม่หายทำไงดี

A: แนะนำให้พบแพทย์วางแผนการรักษาเนื่องจากการซื้อยามารับประทานเองอาจรักษาไม่ตรงโรค และดื้อยา หรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย สำหรับการรักษาหนองในแท้-หนองในเทียมมักจะเกิดร่วมกัน จึงสามารถรักษาไปพร้อมกันได้แพทย์จะให้การรักษาโดยการฉีดยาและรับประทานยาปฎิชีวะนะ

Q: มีแฟนเป็นหนองในแล้ว เราไม่มีอาการต้องไปหาหมอไหม

A: โดยปกติส่วนใหญ่แล้วถ้าคู่นอนตรวจพบว่ามีการติดเชื้อหนองในแท้หรือหนองในเทียม แพทย์จะแนะนำให้รักษาคู่นอนควบคู่กัน

Q: หนองในกับเอชไอวีคือโรคเดียวกันไหม

A: หนองในกับ HIV ไม่ใช่โรคเดียวกัน แต่หากมีการติดเชื้อหนองในแล้วก็จะมีความเสี่ยงที่จะมีโอกาสรับเชื้อ HIV ง่ายกว่าคนทั่วไป ในกรณีตรวจพบเชื้อหนองในให้ตรวจ HIV ร่วมด้วย

Q: ทราบได้อย่างไรว่ามีการติดเชื้อหนองในแล้ว

A: สังเกตุได้จากอาการแสดง ปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหล หรือจาการตรวจหาเชื้อทางปัสสาวะ (PCR for Urine)

Q: รักษาหนองในด้วยสมุนไพรได้ไหม

A: การรักษาหนองในไม่สามารถรักษาด้วยสมุนไพรได้ ต้องได้รับการวางแผนการรักษาโดยแพทย์เท่านั้น

Q: เป็นหนองในช่วยตัวเองได้ไหม

A: แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเพราะอาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อ รวมไปถึงอาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณอวัยวะเพศได้

Q: หนองในติดจากเพศสัมพันธ์เท่านั้นใช่ไหม

A: หนองในติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ช่องคลอด และสามารถแพร่จากมารดาไปสู่ทารกผ่านการคลอดได้ด้วย

Q: โรคหนองในระหว่างตั้งครรภ์

A: หากเป็นโรคหนองในระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลเสียต่อทารกเนื่องจากตอนคลอด ตัวทารกสามารถติดเชื้อจากมารดาได้จากการสัมผัสเยื่อบุช่องคลอดของมารดา ซึ่งหากทารกได้รับเชื้อที่บริเวณดวงตา อาจจะทำให้ทารกตาบอดได้ บางรายอันตรายถึงชีวิตของทารก ในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์หากสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

Book an Appointment