เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเรื่องราวของเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า HIV หรือ Human immunodeficiency virus ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย จึงนับว่าเป็นเชื้อไวรัสที่มีความอันตรายต่อชีวิต ทำให้หลายคนสูญเสียศักยภาพในการใช้ชีวิต รวมถึงต้องทั้งเวลา ทั้งเงินในการรักษาหากติดเชื้อรุนแรงไปแล้ว และเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย จึงได้มีการคิดค้นยาป้องกันขึ้นมา 2 ตัวด้วยกัน โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหนึ่งในสองตัวยาป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV นี้ ซึ่งเป็นตัวยาที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ยา prep”

หลายคนที่ต้องการป้องกันตัวเองจากเชื้อ HIV คงได้ยินกันมาบ้างถึงยา prep ว่าคืออะไร แต่ในบทความนี้จะนำเสนออย่างละเอียดในทุกคำถามเกี่ยวกับยา prep ว่าควรกินอย่างไร กินตลอดเลยได้หรือไม่แล้วหากต้องการจะรับได้ที่ไหน ไปดูคำตอบกันเลย

PrEP (เพร็พ)

ปัจจุบันวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีที่กำลังได้รับความนิยมเนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและมีความสะดวกปลอดภัยคือการใช้ยา PrEP(เพร็พ) จากการศึกษาและงานวิจัยทั่วโลกพบว่าในประเทศที่มีการใช้ยา PrEP(เพร็พ)อย่างแพร่หลายมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามในประเทศไทยยังมีกลุ่มประชากรเป้าหมายอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและไม่สามารถเข้าถึงการใช้ยา PrEP(เพร็พ) ได้ ดังนั้นการให้ข้อมูลและส่งเสริมการใช้ยา PrEP(เพร็พ)อย่างถูกต้องในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ยา PrEP (เพร็พ) คืออะไร

PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือการให้ผู้ที่ยังไม่มีเชื้อเอชไอวีในร่างกายกินยาต้านไวรัสก่อนมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งการใช้ยา PrEP (เพร็พ) ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะมีรายละเอียดในเรื่องของวิธีการใช้ค่อนข้างมาก

ยา prep อันตรายไหม

ยา prep เป็นยาที่มีความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีอันตรายต่อร่างกายหากรับประทานในระยะสั้น แต่อาจทำให้มีอาการข้างเคียง อย่างเช่น ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสียหรืออ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ที่กินในระยะยาวต้องหมั่นตรวจดูสุขภาพของไต รวมถึงการสูญเสียมวลกระดูกที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นใครที่รับประทานยา prep ควรมีการตรวจสอบการทำงานของไตและตรวจเชื้อ HIV ทุก 6 เดือนร่วมด้วย

ทำไมถึงต้องทานยา prep

ยา prep เป็นยาที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนที่จะได้รับความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มีทางป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัส HIV เข้ามาในร่างกาย โดยที่การป้องกันนั้นจะต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำอย่างน้อย 7 วันก่อนจะได้รับความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ

ยา prep ที่ได้รับการรับรอง

ตัวยา prep สำหรับการรับประทานจะมีสูตรยาที่ใช้กันในปัจจุบันและได้รับการรับรองจากคณะกรรมการองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาจะมีอยู่ 2 สูตรด้วยกันได้แก่ 

  • ยา Truvada ซึ่งเป็นยาสูตรผสมระหว่าง tenofovir disoproxil fumarate และ emtricitabine 
  • ยา Descovy ซึ่งเป็นยาสูตรผสมระหว่าง tenofovir alafenamide และ emtricitabine

ยา PrEP (เพร็พ) สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้กี่เปอร์เซ็นต์

การทาน ยา PrEP (เพร็พ) อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ตามสถิติของ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) สามารถลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีได้ประมาณ 99 เปอร์เซนต์จากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์และประมาณ 74 เปอร์เซนต์จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน แต่การใช้ยา PrEP (เพร็พ) นั้นไม่สามารถป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆได้ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือการใช้ PrEP(เพร็บ) ควบคู่กับถุงยางอนามัยเสมอ

ใครบ้างที่เหมาะในการทานยา PrEP

การทานยา PrEP (เพร็พ) ทุกครั้งควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยยา PrEP (เพร็พ) เหมาะกับผู้มีมี life style ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อเอชไอวีและยังไม่มีเชื้อในร่างกายเท่านั้น เช่น มีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ผู้ที่มีคู่รักอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีและยังไม่ได้รับการรักษา ผู้ใช้สารเสพติดประเภทฉีด ผู้ทำอาชีพขายบริการ เป็นต้น

ใครบ้างไม่ควรทาน ยา prep

ยา prep จะเป็นยาที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเชื้อ HIV ในเลือดอยู่แล้ว ซึ่งก่อนจะรับยานั้น แพทย์จะทำการตรวจเลือด พร้อมกับตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีและการทำงานของตับและไตด้วย เพราะหากรับประทานยา prep ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อค่าไตและมวลกระดูกได้ ซึ่งระหว่างรับยาแพทย์จะมีการนัดเพื่อตรวจดูทั้งเชื้อ HIV และค่าพวกนี้เป็นประจำตามไปด้วย ดังนั้นคนที่ไม่ควรทานยา prep หรือควรให้แพทย์แนะนำการลดความเสี่ยงรูปแบบอื่นแทนการรับประทานยา จะมีปัจจัยดังนี้

  • เป็นผู้ติดเชื้อ HIV
  • เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี
  • เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ
  • เป็นโรคเกี่ยวกับตับและไตขั้นรุนแรง
  • เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • มีประวัติการแพ้ยาทีโนโฟเวียร์ ยาเอ็มตริไซตาบีน หรือยาอื่นๆ

PrEP กับ PEP ต่างกันอย่างไร

PEP (Post Exposure Prophylaxis) คือการป้องกันเชื้อเอชไอวีฉุกเฉินหลังมีประวัติสัมผัสเชื้อมาแล้ว ซึ่งต้องรับการยาภายใน 72 ชั่วโมง โดยการรับยาให้เร็วและกินให้ตรงเวลาเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกัน โดยการทานต้องใช้เวลา 28 วัน
PrEP เป็นการกินยาก่อนสัมผัสเชื้อ โดยวิธีการกินมี 2 วิธี คือแบบ daily และแบบ on-demand

ราคาค่าใช้จ่ายในการรับยา PrEP (เพร็พ) มีอะไรบ้าง

  • PrEP First Lab Test 2,000 บาท(เป็นการตรวจประเมินครั้งแรกก่อนรับยา)
  • PrEP (30 Tablets) 1,000 – 3,200 บาท

ขั้นตอนในการรับยา PrEP (เพร็พ)

  1. งดมีกิจกรรมเสี่ยงมาไม่น้อยกว่า 21 วัน เมื่อครบแล้วให้ทำนัดเข้ามาที่ เซฟ คลินิก
  2. เข้ามาตรวจเลือดเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับยา โดยทางคลินิกจะทำการตรวจ เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ ค่าไต โดยการตรวจเลือดใช้เวลาประมาณ 20 นาที ท่านจะทราบผลเลือดของท่านทุกตัว
  3. เข้าพบแพทย์เพื่อทำการเลือกยา PrEP (เพร็พ) ที่เหมาะสมกับท่าน โดยแพทย์จะทำการอธิบายข้อดี ข้อเสีย และอธิบายวิธีการใช้ที่เหมาะสมในแต่ละท่าน
  4. การรับยาในครั้งแรกแพทย์จะให้รับยา 1 เดือนก่อน ส่วนครั้งต่อไปจะได้รับไม่เกิน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการพิจจารณาของแพทย์เป็นกรณีไป
  5. การรับยา PrEP (เพร็พ) จากผู้ที่เคยรับยาจากที่อื่นมาแล้วท่านควรนำผลเลือดมาด้วย เพื่อทางคลินิกจะได้ไม่ต้องทำการตรวจเลือดซ้ำ
  6. การรับยาครั้งต่อไปสำหรับผู้กินยาประจำต่อเนื่องทางเราต้องทำการตรวจเอชไอวีทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้รับยา

คำถามที่พบบ่อย

ผลข้างเคียงของ ยา PrEP (เพร็พ)มีอะไรบ้าง

การกินยา PrEP (เพร็พ) ในช่วงแรกอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ได้ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย มวนท้อง อาการชา ผื่น ซึ่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 7 วันหลังเริ่มยา หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้กลับมาพบแพทย์

ยา PrEP (เพร็พ) แบบฉีดมีไหม

ยา PrEP (เพร็พ)  แบบฉีดมีให้บริการแล้วที่ต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการอนุมัติให้ใช้อย่างถูกกฏหมาย

PrEP (เพร็พ) ต้องกินอย่างไร และกินนานแค่ไหน

การกินยา PrEP (เพร็พ) มีด้วยกัน 2 วิธีแต่วิธีที่แนะนำมากที่สุดคือ Daily PrEP คือการกินอย่างน้อย 7 วันก่อนมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อเอชไอวี และกินต่อเนื่องทุกวันไปเรื่อยๆหากต้องการหยุดกินยาให้นับจากวันที่มีความเสี่ยงครั้งสุดท้ายและกินยาต่อไปอีก 7 วันและควรเข้ามาตรวจเลือดทุกครั้งหลังจากหยุดกินยา ส่วนการกินวิธี On-demand คือการกิน 2+1+1 โดยกินยา 2 เม็ด 2-24 ชั่วโมงก่อนมีความเสี่ยงและอีกสองวันถัดไปทานอีกวันละเม็ด อย่างไรก็ตามการกินแบบ On-demand นั้นมีข้อจำกัดและรายละเอียดค่อนข้างมากแนะนำให้เข้ามาพูดคุยในรายละเอียดกับแพทย์จะดีที่สุดครับ

ลืมทานยา PrEP ต้องทำยังไง

การลืมกินยา PrEP ถ้านึกออกให้ทานทันที ส่วนเม็ดต่อไปให้ทานเวลาเดิมที่เคยทาน ในกรณีลืมทานยา PrEP (เพร็พ) จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง แต่ถ้าลืมทานเกิน 48 ชั่วโมงให้เริ่มนับหนึ่งใหม่

กินยา PrEP (เพร็พ) เสี่ยงสดได้ไหม

การกินยา PrEP (เพร็พ) อย่างถูกวิธีแม้จะสามารถป้องกันกันติดเชื้อเอชไอวีได้เกือบ 100% แต่ไม่สามารถป้องกันโรคอื่นๆได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้ยา PrEP (เพร็พ) ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งจะป้องกันโรคติดต่อที่มาจากเพศสัมพันธ์ได้ดีที่สุด

กล่าวโดยสรุปคือ การรับประทานยา prep เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV นั้นจะต้องทำโดยมีการวางแผนไว้ก่อนระดับหนึ่งเพราะการรับยาจะต้องปรึกษาแพทย์และตรวจร่างกายเสียก่อน จากนั้นยังต้องรับประทานยาเข้าไปให้ตัวยาสะสมในร่างกายมากพอจะป้องกันความเสี่ยงได้หรือก็คือรับยาต่อเนื่องในเวลาเดิม 7 วันเป็นอย่างต่ำ และเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีจึงควรมีการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV และตรวจการทำงานของตับและไตในทุก 3-6 เดือนหรือตามแพทย์นัดด้วย ไม่ควรหายา prep มารับประทานเองโดยไม่ผ่านการตรวจของแพทย์อย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย