ยาฉีดคุมกำเนิด
Table of Contents
ปัจจุบันวิธีการคุมกำเนิดทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัย การทานยาคุม การฝังยาคุมหรือการทำหมัน การคุมกำเนิดโดยใช้ยาฉีดนับเป็นอีกทางเลือกในการคุมกำเนิดที่มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพสูง
ยาคุมกำเนิดแบบฉีดมีกี่แบบ
ยาคุมกำเนิดแบบฉีดที่ใช้กันจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
- กลุ่มที่เป็นฮอร์โมนเดี่ยวโพรเจสตินอย่างเดียว จะฉีดทุก 3 เดือน
- ยากลุ่มนี้เหมาะกับผู้ที่มีบุตรแล้วหรือผู้ที่ไม่ได้วางแผนจะมีบุตรในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากหลังหยุดยาไปกว่าจะกลับมาตั้งครรภ์ได้นั้นใช้ระยะเวลานาน 6-12 เดือน
- สามารถใช้ในหญิงให้นมบุตรได้
- ยาคุมชนิดนี้ใช้แล้วช่วงแรกประจำเดือนจะมากะปริบกะปรอย และจะค่อยๆน้อยลงจนหายไปไม่มาอีกเลยตลอดระยะเวลาที่ใช้ยา
- กลุ่มที่เป็นชนิดฮอร์โมนรวมโพรเจสติน + เอสโตรเจน จะฉีดทุก 1 เดือน
- ยาคุมชนิดนี้เมื่อใช้แล้วประจำเดือนจะยังมาปกติทุกเดือน
- หลังหยุดยาสามารถมีบุตรได้ทันที
- ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงให้นมบุตรเนื่องจากทำให้น้ำนมแห้ง
ข้อห้ามในการฉีดยาคุมกำเนิด
- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์(ต้องมีการตรวจการตั้งครรภ์ก่อนใช้)
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ
- ห้ามใช้ในผู้มีประวัติมะเร็งเต้านมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับรุนแรง
- ห้ามใช้ในผู้มีประวัติโรคหลอดเลือดดำอักเสบและลิ่มเลือดอุดตัน
- ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
ควรฉีดยาคุมกำเนิดตอนไหนดี
- ฉีดวันไหนก็ได้ แต่ก่อนฉีดต้องผ่านการตรวจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ และให้งดมีเพศสัมพันธ์หรือคุมกำเนิดโดยการใช้ถุงยางอนามัยในช่วง 7 วันหลังฉีดยา
- ฉีดวันแรกของการมีประจำเดือนหรือวันไหนก็ได้ภายใน 5 วันเริ่มจากวันที่มีประจำเดือน หากฉีดในช่วงนี้ไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่นมาเสริม ***เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
- ฉีดทันทีหรือภายใน 5 วันหลังแท้งบุตร การฉีดในช่วงนี้ไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่นมาเสริม
- ทันทีหรือภายใน 21 วันหลังการคลอดในผู้ที่ไม่ได้ให้นมบุตร การฉีดในช่วงนี้ไม่ต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบอื่นมาเสริม
การนัดฉีดยาคุม
- ควรฉีดยาคุมกำเนิดตรงวันนัด
- กรณีต้องการมาฉีดก่อนวันนัด หากเป็นยาคุมแบบ 3 เดือนสามารถฉีดก่อนกำหนดได้ 2 สัปดาห์ หากเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือนสามารถฉีดก่อนกำหนดได้ 1 สัปดาห์
- กรณีมาฉีดล่าช้ากว่าวันนัด หากเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 3 เดือนสามารถฉีดล่าช้าได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ หากเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือนสามารถฉีดล่าช้าได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์
ยาคุมกำเนิดแบบฉีดป้องกันการตั้งครรภ์ได้กี่เปอร์เซ็น
หากมีการใช้อย่างถูกต้องโอกาสที่จะตั้งครรภ์ขณะมีการฉีดยาคุมมีเพียง 0.2-0.3% ดังนั้นยาคุมกำเนิดแบบฉีดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ซึ่งจริงๆในทางปฏิบัติถือว่ามีประสิทธิภาพดีกว่ายาคุมแบบรับประทาน เนื่องจากยาคุมแบบรับประทานบางครั้งอาจมีลืมทานยา ทานยาไม่ตรงเวลา หรือการอาเจียนหลังทานยา ทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลงได้
เมื่อหยุดฉีดยาคุมแล้วจะกลับมาตั้งครรภ์ได้เมื่อไหร่
- หากเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 3 เดือนจะกลับมาตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6-12 เดือนนับจากวันที่ฉีดยาครั้งสุดท้าย
- หากเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือนจะสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังยาคุมหมดฤทธิ์
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดยาคุมกำเนิด
- ช่วงแรกที่ฉีดมักมีประจำเดือนมาผิดปกติเลือดออกกะปริบกะปรอยได้(สำหรับยาคุมแบบฉีดทุก 3 เดือน)
- ปวดศีรษะ
- คัดตึงเต้านม
- อารมณ์แปรปรวน
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงเมื่อใช้วิธีการคุมเนิดแบบฉีดคือ การฉีดยาคุมไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า การใช้ถุงยางอนามัยและการใช้ยา PrEP จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาใช้เสมอ